เนื้อพระกรุนาดูนแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ
ชนิดที่ 1 เนื้อศิลาแลง ประกอบด้วย ดินเหนียว แกลบข้าว ทรายกรวด บางองค์มีเมล็ดข้าวผสมอยู่ สำหรับพระกรุนาดูนที่ยังคงสภาพดินเผาไว้ ก็มีความหลากหลาย เช่น สีอิฐ /สีหินน้ำตาลแก่ /สีเหลืองอ่อน (สีมันปู)/ สีชมพู/สีแดงหินทราย/ สีขาวนวล (เทาอ่อน)/
ชนิดที่ 2 - เป็นหินสีต่างๆ แร่สีดำ สีดำเงามันคล้ายเหล็กไหล น้ำตาล แร่สีอื่นๆ แร่ทองแดง ทอง กังไส หรือหยกสีเขียว หรือเขียวอ่อน หรือหลายลักษณะรวมกัน บางองค์กลายเป็นสนิมแดงทั้งองค์ หรือเกือบทั้งองค์ (เมื่อกระทบกับแสงจะแวววาว/สวยงามมาก)
ชนิดที่ 3 หินสัมฤทธิ์
ชนิดที่ 2 - เป็นหินสีต่างๆ แร่สีดำ สีดำเงามันคล้ายเหล็กไหล น้ำตาล แร่สีอื่นๆ แร่ทองแดง ทอง กังไส หรือหยกสีเขียว หรือเขียวอ่อน หรือหลายลักษณะรวมกัน บางองค์กลายเป็นสนิมแดงทั้งองค์ หรือเกือบทั้งองค์ (เมื่อกระทบกับแสงจะแวววาว/สวยงามมาก)
ชนิดที่ 3 หินสัมฤทธิ์
(ข้อพิจารณา ) พระกรุนาดูนเนื้อศิลาแลง จะมีน้ำหนักเบา มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ผู้มีไว้บูชา จะเป็นสิริมงคล/ปกป้องคุ้มครองภัย/ขึ้นรถลงเรือ อาราชธนาให้ดี เพราะพระนาคปรกจะปกป้องคุ้มครองภัยอันตรายใดๆ คราบฝ้ากรุ(ฝ้ากรุจะออกสีขาว/ขาวนวล ) ขึ้นเป็นขลุ่ยๆ มากน้อยขึ้นกับสภาพอากาศ ความชื้น อุณหภูมิ กาลเวลา สถานที่เก็บรักษา
ด้านหลังองค์พระจะปรากฏเป็นรอยธรรมชาติ เช่นลายเกล็ดงู ลายผ้า หรือลายนิ้วมือคนโบราณ


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น